FAQ
1.โรงเรียนมอนเตสซอรี่ต่างจากโรงเรียนทั่วไปอย่างไร
ตอบ
1. สอนเด็กเป็นรายบุคคล ในห้องเรียนทั่วๆ ไปครูจะสอนเด็กพร้อมกันทั้งชั้นเรียน และบางครั้งเป็นกลุ่มเล็ก ในห้องเรียนมอนเตสซอรี่นั้นจะตรงกันข้าม ส่วนใหญ่แล้วครูจะสอนเด็กเป็นรายบุคคล เด็กคนอื่นๆ ที่สนใจอาจจะมาดูได้ถ้าสนใจ ด้วยวิธีนี้ครูจะสามารถรู้ได้ว่าเด็กคนนั้นๆ มีความต้องการพิเศษอะไร และสามารถตอบสนองตามความสนใจและระดับความเข้าใจของเด็กคนนั้นได้
2. เด็กเรียนรู้โดยผ่านการทำงานมากกว่าการฟังและการจดจำ ในห้องเรียนธรรมดานั้นเด็กๆ จะเรียนโดยการฟังจากครู การทำงานคือการขีดเขียนบนกระดาษ ในห้องเรียนมอนเตสซอรี่เด็กๆ จะเรียนโดยการฝึกใช้สื่อซึ่งแฝงไปด้วยการฝึกทักษะต่างๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรียนเกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิต เช่น รูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม และวงกลม แทนที่จะฟังครูพูดอธิบายรูปทรงและดูรูปที่ครูวาดบนกระดาน เด็กๆ จะได้วาดตามรอยรูปนั้นจากรูปทรงจริงๆ และออกแบบลงสีให้สวยงาม อาจจะนำรูปทรงมาต่อกันเกิดเป็น pattern ขึ้นมา และยังฝึกการสังเกตแยกประเภทของรูปทรงจากการจับคู่รูปทรงกับกรอบที่มีแต่เส้นรอบรูป
3. หลักสูตรมอนเตสซอรี่มีขอบเขตหลักสูตรที่กว้างกว่า และสอนมากกว่าความรู้พื้นฐานที่ควรรู้ หลักสูตรเริ่มจากการมีกิจกรรมที่ฝึกการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ฝึกการรับรู้ประสาทสัมผัส ฝึกการคิด การตัดสินใจ และให้แสดงความรู้สึกและอารมณ์ ด้วยวิธีการนี้จะช่วยให้เด็กพร้อมที่จะเรียนรู้ มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น(Independence) และมีความรับผิดชอบ หลักสูตรยังช่วยให้เด็กได้มีพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์และภาษาที่ดี ทำให้การเรียนต่อในวิชาวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคม และศิลปะได้อย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้เด็กๆ ยังได้ฝึกทักษะในชีวิตประจำวัน เช่นการทำอาหาร งานช่างพื้นฐาน และการเย็บ และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ได้เรียนรู้ที่จะเป็นสมาชิกที่ทำประโยชน์กลับให้สังคมส่วนรวม
4. มอนเตสซอรี่ให้ความสำคัญกับการสร้างวินัยในตนเอง ที่พัฒนามาจากการที่เด็กได้เรียนรู้ว่าจะสนองความต้องการของตนเองให้เหมาะสมได้อย่างไร มากกว่าการที่จะให้มีวินัยจากการให้รางวัลและการลงโทษ
5. ในห้องเรียนมอนเตสซอรี่ถูกจัดให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างมีระบบ เป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม สื่อต่างๆ ถูกจัดวางบนชั้นวางในระดับความสูงที่เหมาะสมกับความสูงของเด็ก
6. สื่อมอนเตสซอรี่ถูกออกแบบเป็นอย่างดีและได้รับการวิจัยอย่างรอบคอบแล้วว่าตอบสนองต่อความต้องการและคุณลักษณะของเด็ก
7. ครูมอนเตสซอรี่ต้องทำตัวเป็นต้นแบบของการแสดงความเคารพและการสร้างคุณค่า ควบคู่ไปกับวิธีการสอนคุณลักษณะดังกล่าว
8. วิธีการมอนเตสซอรี่ที่ใช้ในการช่วยเหลือเด็กนั้นคือการแสดงให้เด็กดูว่าทำอย่างไร ด้วยความเต็มใจ ความรัก ความเข้าใจ ครูมอนเตสซอรี่ต้องพยายามที่จะไม่กล่าวคำพูดที่ทำให้เด็กรู้สึกแย่ หรือวิพากษ์วิจารณ์อยู่ฝ่ายเดียว ไม่พูดให้เด็กได้อายหรือล้อเลียนเด็ก
9. หลักสูตรมอนเตสซอรี่มีความเป็นระบบ ได้รับการจัดลำดับเป็นอย่างดีตามขั้นตอนพัฒนาการ กิจกรรมทุกกิจกรรมจะถูกสร้างขึ้นจากพื้นฐานที่มีอยู่ก่อนและสามารถนำไปสู่พัฒนาการขั้นที่สูงขึ้นไปได้
10. มอนเตสซอรี่ได้รับการออกแบบมาเพื่อพัฒนาความเป็นอิสระไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นและความรับผิดชอบ การจัดระบบในห้องเรียน วิธีการ และกิจกรรมทักษะชีวิต ช่วยให้เด็กได้พัฒนาความเป็นตัวตนและวินัย
11. ตารางประจำวันในห้องเรียนมอนเตสซอรี่อยู่บนพื้นฐานของหลักการที่ให้อิสระในการเลือกมากกว่าการที่จะจัดตารางเวลาที่ชัดเจนสำหรับกิจกรรมที่ครูเตรียมไว้ เพราะทุกสิ่งในมอนเตสซอรี่ถูกออกแบบและวางแผนให้มีความหมายและเป็นไปเพื่อการศึกษา ให้เด็กได้มีอิสระที่จะเลือกทำได้
12. มอนเตสซอรี่มองเด็กในแง่บวก เด็กคือผู้สร้างตัวตนที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่การเป็นผู้ใหญ่ รางวัลและการลงโทษไม่ได้มีผลกับการสร้างตัวตนนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เข้ามาและผ่านไป พัฒนาการตามธรรมชาติและการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นแรงขับและแรงจูงใจที่พอเพียงอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน เด็กๆ ไม่ได้ต้องการสิ่งเพ้อฝันเกินจริง สีสันที่สดใส หรือของหลอกล่อ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวขวางกั้นระหว่างเด็กกับการเรียนรู้ที่แท้จริง โดยแท้จริงแล้ว เด็กจะค้นพบความสุขจากประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง โดยการเรียนรู้ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ดนตรี การอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ มากกว่าจากโลกของการ์ตูนหรือเรื่องเพ้อฝัน
2.โรงเรียนวิศานุสรณ์ต่างจากโรงเรียนมอนเตสซอรี่อื่นๆหรือไม่อย่างไร
ตอบ
โดยปกติแล้ว โปรแกรมมอนเตสซอรี่ทุกแห่งทั่วโลกจะมีความแตกต่างกันไม่ประการใดก็ประการหนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีโรงเรียนมอนเตสซอรี่แม้แต่ 2 แห่งใดๆ ที่จะเหมือนกัน ผู้ปกครองควรศึกษาและพิจารณาแต่ละแห่งแยกจากกัน
โรงเรียนมอนเตสซอรี่ทุกแห่งจะมีลักษณะเฉพาะตัวอันเป็นผลมาจากบุคลิกลักษณะของบุคคลที่เกี่ยวข้อง และรวมถึงบรรยากาศสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน นอกจากนี้ครูมอนเตสซอรี่ที่ผ่านการอบรมมาจากต่างสถาบันก็จะมีความแตกต่างกันในรายละเอียดของหลักสูตรและวิธีการ
4.การเรียนต่อในโรงเรียนในระบบปกติจะมีปัญหาหรือไม่
ตอบ
ในระบบมอนเตสซอรี่เด็กควรจะได้มีเวลาอยู่ในห้องเรียนมอนเตสซอรี่จนครบหลักสูตร 3 ปี ยกตัวอย่างเช่น 3 ปี ในระดับอนุบาล (อนุบาล 1 -3 ) เพราะในเวลา 3 ปีนั้นเด็กจะได้เรียนครบตามหลักสูตร มีทักษะพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์และภาษาสำหรับการเรียนต่อในระดับประถม และเป็นเวลา 3 ปีที่เพียงพอต่อการสร้างบุคลิกลักษณะของมอนเตสซอรี่ให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก เช่นเมื่อจบระดับอนุบาลหรือ อายุครบ 6 ปี เด็กควรจะมีสมาธิที่ดี มีความรักในการเรียนรู้ มีความมั่นใจ ความเป็นตัวของตัวเองและมีวินัย
ส่วนในระดับประถมนั้น เด็กจะได้ทักษะและความรู้พื้นฐานตามหลักสูตรของระดับชั้นอยู่แล้ว แต่การเรียนจนครบ 6 ปี จะมีผลอย่างมากต่อการปลูกฝังลักษณะนิสัยของการเรียนรู้ด้วยตนเอง การคิดสร้างสรรค์ การเสริมสร้างความมีวินัยในตนเอง การรับผิดชอบตนเอง ทักษะการเข้าสังคม การสร้างความฉลาดด้านอารมณ์ ด้านจริยธรรมและด้านจิตวิญญาณ
จะเห็นได้ว่า สำหรับการเรียนต่อในโรงเรียนระบบปกตินั้น ในแง่วิชาการ หลักสูตรมอนเตสซอรี่ให้ความรู้และทักษะที่กว้างกว่าหลักสูตรพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนคุณลักษณะอื่นๆ เช่นการเรียนรู้ด้วยตนเอง รักในการเรียน มีความรับผิดชอบ มีทักษะด้านสังคม จะทำให้ปรับตัวเข้ากับระบบในโรงเรียนปกติได้ง่ายขึ้นอีกเช่นกัน
5.มอนเตสซอรี่เป็นที่รู้จักและยอมรับในประเทศไทยมากเท่าใด
ตอบ
มอนเตสซอรี่เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักการศึกษาในประเทศไทยมานานแล้ว ในกทม.โรงเรียนอนุบาลอนุบาลกรแก้ว เป็นโรงเรียนมอนเตสซอรี่ที่เปิดทำการสอนมาแล้วถึง 20 ปี นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโรงเรียนที่ได้ปรับวิธีการมอนเตสซอรี่ไปใช้ในระดับอนุบาล
ในระยะ 2 – 3 ปีมานี้ มีโรงเรียนอนุบาลของรัฐหลายแห่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการให้เปิดเป็นห้องเรียนมอนเตสซอรี่ แสดงถึงการเป็นที่สนใจและแพร่หลายมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการรวมกลุ่มกันของโรงเรียนที่ใช้มอนเตสซอรี่ทั่วประเทศไทย จัดตั้งเป็นสมาคมโรงเรียนมอนเตสซอรี่แห่งประเทศไทย (ชื่อเดิมคือ สมาคมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อเด็กเป็นสำคัญ) เพื่อเผยแพร่การศึกษามอนเตสซอรี่ให้เป็นที่รู้จัก ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันในกลุ่มโรงเรียนสมาชิก รวมทั้งสมาคมฯ ยังได้เริ่มทำการฝึกอบรมครูมอนเตสซอรี่บริบทไทยระดับปฐมวัย เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับมอนเตสซอรี่กับผู้ที่สนใจ
6.การใช้ภาษาไทยในห้องทำให้ได้ภาษาอังกฤษน้อยลงหรือไม่
ตอบ
ในห้องเรียนระดับเตรียมอนุบาล จะมีครูมอนเตสซอรี่ชาวไทย ร่วมกับครูชาวต่างชาติสอนภาษาอังกฤษ ทั้งนี้เพื่อให้เด็กได้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษในการฟังและการพูด ดังนั้นในห้องเรียนจึงสามารถใช้ได้ทั้ง 2 ภาษา
ในระดับอนุบาลและประถม เด็กจะเรียนในห้องเรียนมอนเตสซอรี่ซึ่งใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในช่วงเช้า และมีชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมกับครูต่างชาติในช่วงบ่าย
การที่โรงเรียนได้คงไว้ซึ่งการใช้ภาษาไทยในห้องเรียน ซึ่งเป็นภาษาแม่ของเด็กทุกคน เพื่อให้เด็กโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ได้รู้สึกผ่อนคลาย กล้าแสดงออกซึ่งความคิดเห็น และบอกเล่าถึงอารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อพัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์
นอกจากนี้ในระดับชั้นประถมยังทำให้ความเข้าใจในวิชาการต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและลึกซึ้งขึ้น เพราะในหลักสูตรของมอนเตสซอรี่ระดับประถมนั้นเป็นการเรียนแบบค้นคว้าด้วยตนเอง ไม่ใช่การเรียนแบบครูป้อนความรู้ ซึ่งถ้าเด็กมีอุปสรรคในการใช้ภาษาอังกฤษแล้ว ก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ไม่ครบตามกระบวนการ อาจจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกถดถอย ไม่อยากเรียนรู้ กลายเป็นการปิดกั้นกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง และไม่เห็นผลอื่นๆ ที่ควรจะได้รับจากการเรียนมอนเตสซอรี่ เช่น แรงจูงใจจากภายใน ความรักในการเรียนรู้หรือความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเมื่อใดที่เด็กมีความพร้อม มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีพอแล้ว จะทำให้การเรียนวิชาการในระดับชั้นที่สูงขึ้นได้ผลมากขึ้นเป็นลำดับเช่นกัน